Home » Life » เพราะชีวิตเรา ไม่ต้องเหยียบคันเร่งขับเลนขวา ปาดหน้ากันไปมา เพื่อไปถึงจุดหมาย

เพราะชีวิตเรา ไม่ต้องเหยียบคันเร่งขับเลนขวา ปาดหน้ากันไปมา เพื่อไปถึงจุดหมาย

Share:FacebookX

ที่จริงแล้วได้มีหลายคนเคยพูดไว้ ชีวิตเราก็ไม่ต่างอะไรจากการเดินทาง จุดเริ่มต้นจากวันที่เราได้ลืมตา แล้วเราก็ใช้ชีวิตกันต่อมา จนวัยชรา แล้วเราก็จากโลกนี้ไป

ฟังดูเหมือนจะเป็นเรื่องง่ายดาย แต่ทุกคนก็คงไม่ได้เห็นต่างออกไป ว่าในหลายวันระหว่างการเดินทาง หลายสิ่งที่เกิดขึ้นมันช่างทำร้ายหัวใจและร่างกาย ให้เราเหนื่อยหน่ายจนบรรยายไม่ถูก

การใช้ชีวิตบนโลกนี้มันไม่ได้ง่าย ทุกวันต่างก็มีโจทย์อันแสนท้าทายให้เราได้ลองหาคำตอบ แถมทุกวันนี้โซเชียลมีเดียมันผูกติดกับชีวิตในทุกเวลา ตื่นเช้ามาก็ต้องติดตามข่าวสาร ก็นอนก็ต้องเช็คเรื่องราวให้แน่ใจว่าเราไม่ได้พลาดอะไรไป

ไม่เพียงแต่เรื่องราวบนโลกที่เราได้มองเห็น แต่บนโซเชียลมีเดียของเรายังเต็มไปด้วยการอัปเดตชีวิตของผู้คน ทั้งที่เรารู้จักสนิทสนมในชีวิต หรือบางคนก็เป็นแค่มิตรภาพในโลกออนไลน์

การเห็นเรื่องราวเหล่านี้ทุกวัน บางครั้งก็กลายเป็นตัวกระตุ้นให้หัวใจของเรารู้สึกอ่อนไหว

“เอ๊ะ นี่เรากำลังเดินทางช้าไปหรือเปล่านะ?”

เพื่อนหลายคนแต่งงานมีครอบครัวที่ดูแสนดี อีกคนก็มีกิจการใหญ่โตเป็นของตัวเอง อีกคนไปเรียนต่อปริญญาโทที่ยุโรป แล้วพี่คนนั้นก็เดินทางรอบโลกมาสามรอบได้แล้วมั้ง

“แล้วเราล่ะกำลังทำอะไรอยู่?”

เลื่อน ๆ หน้าฟีดไปซักพัก ก็เจอแต่บทความเรื่องการเพิ่ม Productivity ชีวิตนี้เราต้องแฮ็คมันให้เกิดประสิทธิภาพสูงที่สุด เวลาของเรามีค่า มาจัดตาราง แบ่ง Time block แพลนชีวิต แล้วความวุ่นวายของคุณมันจะกลายเป็นเรื่องน้อยนิดไปเลย

มันเหมือนเราทุกคนกำลังพยายามขับรถบนมอเตอร์เวย์ ด้วยความเร็วปริ่ม ๆ ที่ 120 ตลอดทาง เราก็ว่าเราขับเร็วตามกฏหมายกำหนดแล้วนะ ทำไมยังมีรถที่มาแซงซ้าย มาจี้ท้ายให้เราหลบ ทำไมใคร ๆ ก็ดูจะขับรถเร็วกันไปหมด แถมปาดหน้าเราไปมาอีก แบบนี้ถ้าเราชลอลงหรือหยุดพักรถซักหน่อย เราก็คงถอยหลังไปไกลเมื่อเทียบกับคนอื่น แล้วเมื่อไหร่เราจะถึงจุดหมายปลายทางซักทีล่ะ?

แต่ที่สุดของความงดงาม อาจจะไม่ใช่จุดหมายปลายทางที่กำลังมุ่งหน้าไปก็ได้นะ 🙂

ถ้าเรามัวแต่ก้มหน้ามองความเร็วเพราะกลัวจะแพ้ใคร หรือเหยียบคันเร่งมิดไปเพื่อให้ไม่มีใครแซงได้ เราอาจจะลืมมองข้างทางไปก็ได้ ว่ามันสวยงามขนาดไหน

ต้นไม้ต้นใหญ่ที่ให้ร่มเงากับคนที่จอดพัก ร้านกาแฟแสนน่ารักที่เจ้าของตั้งใจปลูกกาแฟเองมาแบ่งปัน หรือว่าเด็กคนนั้นที่ดูเหมือนกำลังหลงทาง อาจจะกำลังรอให้คุณจอดรับเค้าไปส่งที่จุดหมาย

ถ้าเราขับรถเร็วไป เราก็คงไม่มีสมาธิมาคุยกับคนที่นั่งรถไปด้วยกัน แล้วถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาเมื่อไหร่นั้น ความสูญเสียมันก็อาจจะเกินคาดที่เรารับได้

หลายครั้งหลายคราเราอาจจะเผลอไปปาดหน้าใคร ๆ ให้เค้าหงุดหงิดใจ แบบที่เราไม่เคยรู้ตัวหรือมีโอกาสได้ขออภัยหรือแก้ไขตัวเองเลย

บางทีการเดินทางที่มีความสุขที่สุด มันอาจจะไม่ใช่การเดินทางที่มีประสิทธิภาพที่สุดก็ได้

ไม่แน่นะ ถ้าการเดินทางต่อไปจากนี้ เราอาจจะไปช้าลง ปัดเข้ามาเลนกลางให้เราไม่ขวางใคร แล้วก็ค่อย ๆ ขับไป

มองซ้ายมองขวาหาวิวสวย ๆ ให้เราได้จอดพักลงไปมอง ฟัง Podcast ไป เรื่อย ๆ เติมพลังสมอง หรือหันมาจ้องตาคนข้าง ๆ เวลาเราติดไฟแดงดูบ้าง

แน่นอนล่ะบางครั้งเราอาจจะมีเรื่องให้ต้องรีบร้อน ร้านอาหารที่เราอยากไปลองใกล้จะปิดแล้ว เราก็คงต้องเหยียบคันเร่งเพิ่มอีกนิด แล้วออกเลนขวาเพื่อพาตัวเองไปทานอาหารมื้ออร่อย

แต่มันก็ไม่ใช่ตลอดไปที่เราต้องเร่งเครื่อง ไม่เช่นนั้นก็คงจะเหนื่อยกันทั้งรถ และคนขับด้วยเนอะ

ลองไปช้าบ้าง เร็วบ้าง จอดพักบ้างเมื่อถึงเวลาดูสิ การเดินทางของชีวิตมันอาจจะไม่ได้เหนื่อยหน่ายมากมายแบบที่เราเคยรู้สึกก็ได้นะ 🙂

และที่สำคัญที่สุด ก็คือเป้าหมายปลายทางของทุกคนนั้นไม่เหมือนกัน

เราไม่จำเป็นต้องแข่งขันเพื่อเดินทางไปที่เดียวกันให้เร็วที่สุด การไปถึงเป้าหมายนั้นก่อนไม่ใช่การเป็นผู้ชนะ

  • บางคนอาจจะเลือกไปถึงช้าหน่อย แต่คนที่นั่งข้าง ๆ อุ่นใจเพราะไม่อยากให้เราขับเร็ว
  • บางคนอาจจะเลือกมุ่งมั่น ไปยังเป้าหมายนั้น เพื่อพบว่ายังมีเป้าหมายที่ไกลกว่าให้ได้ไปต่อ
  • บางคนอาจจะเลือกทางอ้อมที่ไกลหน่อยแต่เต็มไปด้วยต้นไม้ข้างทางร่มรื่น แทนที่จะขับบนทางด่วนที่แดดร้อนและแห้งแล้ง
  • บางคนอาจจะไม่ได้มีเป้าหมายในใจ แค่อยากเดินทางชมสองข้างทางไปเรื่อย ๆ

ไม่มีใครผิด ไม่มีใครถูก เพราะการเดินทางแต่ละคนมันเป็นเส้นทางของตัวเอง มาเลือกเดินทางเพื่อความสุขของเรา แทนการเหยียบให้มิดไมล์เพื่อไปถึงก่อนใครกันเถอะ

เพราะเราอยากให้ทุกคน มีความสุขกับการเดินทางของชีวิตนี้ไปด้วยกัน ❤

Share:FacebookX
Written by
Chalakorn Berg
Chalakorn Berg