ฟรีแลนซ์ไม่ใช่แค่คนทำงานอิสระ แต่เรียกได้อีกอย่างว่า Solopreneur คุณกำลังทำธุรกิจของตัวเอง และตัวคุณเองก็คือธุรกิจที่ต้องลงทุน เติบโต และดูแล เนื่องในโอกาสครบรอบ 4 ปี ของเพจ SEO โบ๊ะบ๊ะสไตล์ by Chalakorn Berg เมอยากถือโอกาสนี้มาแชร์ 4 ประเด็นสำคัญ​ ที่จะทำให้คุณเป็น ฟรีแลนซ์ Solopreneur และ Entprepreneur ได้อย่างประสบความสำเร็จและยั่งยืน

ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ วัดยังไง?

ความสำเร็จในความหมายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เพราะทุกด้านที่ดี ก็จะมีด้านที่เราต้องอดทนกับมันอยู่ด้วย สำหรับเมแล้ว ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จคือ ธุรกิจที่เลี้ยงตัวเองและคนที่เราต้องรับผิดชอบได้ (ทั้งครอบครัวและทีมงาน) มีอิสระในการทำงานและเวลา เป็นประโยชน์กับผู้อื่น มีคุณภาพ มาตรฐาน และส่งมอบคุณค่าได้ในระดับสูงที่สุด เติบโตในระดับที่ควบคุมได้และยั่งยืน

กล้าลงทุนเพื่อการเติบโต

ลงทุนกับสิ่งของ บริการ ประสบการณ์​ ที่จะทำให้คุณมีความสุข สบายใจ มีเวลามากขึ้น เพราะผลตอบแทนที่ได้รับทางธุรกิจจากการลงทุนแบบนี้นั้นมีมูลค่ามากกว่าเงินที่เสียไปมากนัก ตัวอย่างสิ่งที่เมลงทุนชีวิตอย่างไม่ต้องคิดมากคือ

• อาหารอร่อย ดีต่อสุขภาพ: อุปกรณ์ วัตถุดิบ ที่ทำให้กิจกรรมทำอาหารราบรื่น ไม่ยุ่งยากวุ่นวายจนไม่ได้ทำ รวมไปถึงงบสั่ง/กินข้าวจากร้าน ที่ช่วยประหยัดเวลา ของอร่อยช่วยเยียวยาใจ และสุขภาพที่ดีจะทำให้คุณทำงานได้ออกมาดีที่สุด
  
• เครื่องมือ อุปกรณ์ในการทำงาน: เคยใช้คอมเก่ามาก จนเปิดชีทเอ็กเซลต้องใช้เวลาหนึ่งชั่วโมง ออกไปกินข้าวกลับมายังโหลดไม่เสร็จ ตอนนี้ลงทุนใช้อุปกรณ์ดีๆ ทำงานไม่ติดขัด มีไอเดียอยากทำอะไร ก็ไม่มีอะไรมาหน่วงเราไว้
  
• พักผ่อน ซูมเอาท์: พักผ่อนอาจจะเป็นการอยู่บ้าน แล้วฟังเพลงเพราะๆ จากลำโพงดีๆ หรือออกเดินทางไปสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ การเติมพลังกาย พลังใจ ได้ซูมเอาท์มองภาพกว้างของธุรกิจ อาจจะทำให้คุณมองเห็นโอกาส จุดบอด ช่องว่าง ที่ช่วยเพิ่มมูลค่าต่อเวลาในการทำงานได้อย่างมากมายต่อไป

เปลี่ยนมุมมองการใช้เงิน

ล่าสุดเมเห็นบัตรเครดิตธนาคารนึง เงินเดือนขั้นต่ำ 12,000 แต่ถ้าธุรกิจตัวเองต้องมีเงินหมุนเวียน 240,000 ดังนั้นก่อนออกจากงานประจำ ให้ทำบัตรเครดิตก่อน นอกจากนี้ยังต้องเปลี่ยนวิธีคิดเรื่องเงินไปเลย เพราะเราไม่สามารถบริหารเงินแบบพนักงานประจำได้

• เงินจะไม่ได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง: บางช่วงอาจจะได้มาก บางช่วงได้น้อยลง ต้องบริหารพลังงานและทรัพยากรในการทำงานเยอะ และช่วงดาวน์ทามให้เหมาะกับชีวิตของตัวเอง ไม่ต้องกลัว เพราะเรามีสิทธิ์ในการควบคุมการทำงานของเราเองอย่างเต็มที่ เทียบกับทำงานประจำนี่ถ้าเงินเดือนไม่เข้า เราก็จะช็อคน้ำไปเลย
  
• อย่ากลัวการใช้บัตรเครดิต: ใช้เงินให้เป็น ฉลาดในแบบเรา เพราะไม่มีใครรู้ดีเท่าเรา บัตรเครดิตเป็นตัวช่วยในช่วงที่เราต้องการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นด้วยเงิน หรือด้วยเวลาที่จำเป็นต้องลดงานลง แบบที่ไม่ต้องหยิบยืมใครให้เดือดร้อนคนอื่น
  
• กำหนดกฎการชำระเงิน และขึ้นเงินให้ตัวเอง: อย่าให้ค่าตัวเองน้อยไป ด้วยการใช้ราคาต่ำๆ รับงานเยอะๆ ยิ่งทำจะยิ่งเหนื่อย และไม่มีเวลาใช้ชีวิต ต้องเพิ่มมูลค่าต่อชั่วโมงของตัวเองอย่างต่อเนื่อง ตามประสบการณ์ อินฟลูชื่อดังที่เมเคยเห็น เค้าขึ้นเรทรับงานทุกเดือน จะได้มีเวลาและเงินไปสร้างสรรค์คอนเทนต์ตามแนวทางตัวเอง และซัพพอร์ตทีม

ขอบคุณทุกอย่างที่ช่วยเหลือเรา

ไม่มีใครประสบความสำเร็จได้ด้วยตัวคนเดียว ต่อให้คุณจะเป็นฟรีแลนซ์ Solopreneur รอบตัวคุณก็ยังมีหลายอย่างที่ช่วยซัพพอร์ตคุณอยู่ อาจจะเป็นครอบครัวที่ช่วยดูแลบ้าน คนรักที่ช่วยเป็นพลังใจ เพื่อนที่คอยปรึกษา ทีมที่ช่วยดูแลงานในบางส่วน ไม่ว่าจะเล็กน้อยแค่เซ็นรับเอกสารให้ ที่ทำงานเก่าที่ช่วยส่งต่อลูกค้ามา จนไปถึงลูกค้าที่มอบความไว้ใจ ผ่านเงินและเวลาที่ใช้จ้างงานเรา สิ่งที่เมตั้งใจทำเสมอคือ

• พูดขอบคุณอยู่เสมอ: ขอบคุณบ่อยๆ ไม่มีมูลค่าน้อยลง เรื่องเล็กแค่ส่งข้อความมาให้กำลังใจ หรือเรื่องใหญ่ๆ ที่กระทบกับชีวิตกับธุรกิจ โอกาสวันสำคัญอย่างครบรอบ ปีใหม่ หรือวันธรรมดาทั่วไป ก็ส่งคำขอบคุณหากันได้ ล่าสุดนักเรียนเก่าของเมตอบกลับอีเมลมาว่า “ขอบคุณนะครับ มีประโยชน์มาก เอาไปใช้ทำงานได้เลย” เมใจฟูไปทั้งวันเลยล่ะ
  
• ขึ้นเงินให้แบบไม่ต้องขอ: เมทำงานกับแอดมินมา ~3 ปี ตอนนี้ทำงานน้อยลงกว่าเดิม 3 ชั่วโมงต่อวัน และเงินเพิ่มขึ้น 3 เท่า คนทำงานกับเรานานๆ หมายความว่าเราต้องห่วงน้อยลงเรื่อยๆ เค้าเก่งมากขึ้น มีประสบการณ์มากขึ้น ก็ควรจะได้ค่าตอบแทนมากขึ้นไปด้วย เพื่อนฟรีแลนซ์ชาวอินโดที่เมรู้จัก เค้าทำงานมา 3 ปีกับลูกค้าเจ้าเดิม พอขอขึ้นเงินลูกค้าไม่ยอม เค้าจบสัญญาเลย เพราะเค้ารู้ตัวว่าควรจะได้รับค่าตอบแทนมากขึ้นตามประสบการณ์ หาลูกค้าใหม่ได้ แต่ช่วงช่องว่างที่ธุรกิจต้องหาคนมาทำงานใหม่ เทรนใหม่ เข้าใจกันใหม่นั้น เป็นความเสียหายที่คนไม่ค่อยนึกถึง
  
• ทำทุกอย่างให้ง่ายกับอีกฝ่าย: ในมุมธุรกิจ เมทำทุกอย่างเพื่อให้หลังจากส่งต่องานแล้ว ง่ายกับอีกฝ่ายมากที่สุด ในชีวิตส่วนตัว เมตัดสินใจ ใช้ชีวิต เพื่อให้เป็นภาระและต้องรบกวนคนอื่นน้อยที่สุด ในขณะเดียวกันก็เรียนรู้ที่จะรับความช่วยเหลือในเวลาที่เหมาะสมไปด้วย

หาความหมายให้สิ่งที่ทำ

เหตุผลที่คุณทำงานนั้นมันอาจจะเป็นการฝึกฝนวิชาให้เก่งขึ้น ดูแลครอบครัวให้อยู่ดีกินดี ได้เรียนรู้สิ่งที่สงสัย หรืออะไรก็ได้ที่ทำให้ทุกวันของคุณมีความหมาย เราต้องทำงานทุกวัน ถึงวันหยุดเราก็ยังคิดเรื่องงาน งานคือส่วนหนึ่งของชีวิต และการหาความหมายให้สิ่งที่ทำจะช่วยให้คุณมีพลัง อยากทำให้มันดีขึ้น และไม่ยอมแพ้ง่ายๆ

เมเคยอยากปิดเพจ SEO โบ๊ะบ๊ะ เวลาที่โดนแสปมเยอะๆ โดนดูถูกว่าพูดบางอย่างเพื่อขายคอร์ส และเวลาที่คิดว่างานตัวเองคือการทำให้คนที่ไม่สบาย กังวลกับอาการป่วยเกินไปเวลาเสิร์ช Google

สิ่งที่ทำให้เมทำมันต่อไป คือข้อความจากผู้ติดตาม ธุรกิจ และนักเรียนของเม ว่าสิ่งที่เมเล่า มันทำให้เค้ามีลูกค้าเพิ่มขึ้น มีรายได้เพิ่มขึ้น มีเวลาใช้กับครอบครัวมากขึ้น มีหลักคิดที่เอาไปใช้ในชีวิต ทำให้เค้ารู้สึกว่าเป็นคนที่ดีขึ้น มีทิศทางในการทำงาน และมั่นใจมากขึ้น เมเลยเข้าใจว่าคุณค่าของสิ่งที่เมทำ มันมีความหมายกับผู้คนที่เห็นคุณค่านั้นและเอาไปใช้

4 ประเด็น ในโอกาสครบรอบ 4 ปีนี้ เมเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ให้กับฟรีแลนซ์ และเจ้าของธุรกิจทุกคน ซัพพอร์ตเมด้วยการแชร์คอนเทนต์ต่อไปให้คนที่น่าจะได้ประโยชน์จากมัน มาติดตามคอนเทนต์ดีๆ เพื่อประโยชน์ของคุณส่งตรงได้ที่นี่ หรือถ้าอยากมาเรียน SEO จริงจังด้วยกัน ก็คลิกมาดูรายละเอียดคอร์สได้ที่นี่

ขอให้วันนี้คุณมองเห็นความใจดีที่โอบล้อมอยู่รอบตัวคุณค่ะ :))