Home » Marketing » Digital PR คืออะไร?​ ทำไม Google แนะนำว่าดีกับ SEO

Digital PR คืออะไร?​ ทำไม Google แนะนำว่าดีกับ SEO

Share:FacebookX

การ PR หรือการประชาสัมพันธ์นี้อยู่กับเรามานานมากๆ แล้วค่ะ ไม่ว่าจะทำเว็บไซต์ เปิดร้านใหม่ แต่งงาน ขึ้นบ้าน เชียงเม้ง หรืองานอะไรก็ตาม มนุษย์เราผูกพันกับการประชาสัมพันธ์บอกกล่าวเรื่องที่เรากำลังทำให้คนอื่นรู้เสมอ แต่ในยุคปัจจุบัน การทำ PR แบบเดิมๆ อย่างการแจกจัดงานเปิดตัว แจกใบปลิว หรือทำบิลบอร์ด อาจจะไม่ใช่คำตอบอีกต่อไป วันนี้คนพูดถึงเรื่อง Digital PR มากขึ้นเรื่อยๆ ขนาด คนจาก Google เองยังบอกเลยว่า Digital PR นี้มันดีต่อใจมากๆ และดีต่อ SEO ด้วย วันนี้ลองมาดูกันค่ะว่า Digital PR คืออะไร แล้วเราจะนำมาปรับใช้กับธุรกิจของเราได้ยังไงบ้าง : )

Digital PR คืออะไร

ถ้าสนใจเรื่อง SEO แบบเข้าใจจริงๆ จากประสบการณ์คนทำงานจริงๆ เมมีสอนอยู่นะคะ มีพูดถึง PR ในมุมของการทำ SEO และเริ่มสอนจาก SEO คืออะไร จนทำ SEO เป็นเองได้ค่ะ ลงแล้ว ไม่ต้องลงซ้ำอีก เพราะถ้าเรียนจบ ทุกคนก็จะเข้าใจจริงๆ ตั้งแต่พื้นฐาน หลักการ และแนวคิดทั้งหมด แบบอัปเดตสุดๆ  ดูข้อมูลคอร์สเรียน SEO เพิ่มได้ที่นี่เลย 🙂

Digital PR คืออะไร?

Digital PR คือกลยุทธ์ทางการตลาดในการเพิ่มการรับรู้ในธุรกิจของเรา โดยเน้นการประชาสัมพันธ์ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลและเครื่องมือออนไลน์​ เช่นการทำ SEO, Content Marketing, ใช้ influencer, หรือกระทั่งการทำการตลาดบน Social Media ค่ะ

พูดง่ายๆ อีกที Digital PR ก็คือการทำให้คนรู้จักและรักเรามากขึ้นนั่นเองค่ะ

ทำไมเราต้องสนใจ Digital PR ในปี 2022?

กราฟแสดงจำนวนคอนเทนต์เรื่อง Digtal PR จาก Ahrefs
หน้าจอคอนเทนต์เรื่อง Digtal PR จาก Ahrefs

ในยุคนี้ใครๆ ก็พูดถึง Digital PR กันค่ะ เมลองค้นหาคอนเทนต์ที่เกี่ยวกับ Digital PR โดยใช้เครื่องมือ Content Explorer ใน Ahrefs จะเห็นได้ว่าคอนเทนต์เรื่อง Digital PR เพิ่มขึ้นเยอะมากๆ ในปี 2021 นี้ โดยบนโลกอินเทอร์เน็ตมีหน้าเว็บที่พูดถึง Digital PR อย่างน้อย 144,045 หน้า เรียกว่าถ้าธุรกิจของเราไม่สนใจเรื่อง Digital PR ก็คงจะโดนคู่แข่งทิ้งห่างไปแบบตามไม่ทันได้เลยทีเดียวค่ะ

Digital PR มีประโยชน์ยังไง?

Digital PR ช่วยให้ธุรกิจของเราเป็นที่รู้จักในโลกมากขึ้น โดยเฉพาะโลกออนไลน์ เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น และเป็นที่ยอมรับมากขึ้นได้ค่ะ เรียกว่าในยุคนี้เราจะละเลยการทำ Digital PR ไปไม่ได้เลย ไม่อย่างนั้นต้องตามคู่แข่งไม่ทันแน่ๆ เลยค่ะ : ) เพราะว่าถึงสินค้า บริการ หรือคอนเทนต์เราดีแค่ไหน ถ้าไม่มีคนเห็น มันก็อาจจะไม่มีประโยชน์เลยค่ะ ลองมาดูประโยชน์ของดิจิทัล PR กัน

  • สื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็วโดยตรง ไม่จำเป็นต้องใช้เวลานานๆ ในการประชาสัมพันธ์ในช่องทางอื่นค่ะ ดังนั้นถ้ามีเรื่องที่ต้องการประกาศ เช่นโปรโมชันด่วน สินค้าขาดตลาด เว็บไซต์ล่ม ก็สามารถสื่อสารโดยตรงได้ทันที
  • ได้รับ Feedback จากกลุ่มเป้าหมายและลูกค้าได้โดยตรง ทุกที่ ทุกเวลา ทำให้เรารู้สถานการณ์ธุรกิจเราอย่างดี มี Feedback Loop ที่สั้น นำมาปรับปรุงพัฒนาให้ธุรกิจของเราโฟกัสกับสิ่งที่ลูกค้าต้องการได้จริงๆ ค่ะ
  • เพิ่ม traffic ให้กับเว็บไซต์ พอคนเห็นชื่อเราบ่อยๆ ในหลายๆ ที่ก็จะเกิดความคุ้นเคย จนอาจจะแวะมาเว็บไซต์ของเราเองได้ค่ะ
  • สร้างความน่าเชื่อถือในวงการให้ตัวเอง เพราะว่าการทำ Digital PR นี้ไม่ใช่แค่โปรโมทอย่างเดียว แต่รวมไปถึงการสร้างคอนเทนต์เพื่อโปรโมทอย่างมีคุณภาพ ซึ่งพอเห็นเว็บไซต์ของเราสร้างคอนเทนต์ดีๆ อยู่เสมอ รวมถึงคนอื่นที่พูดถึงคอนเทนต์ดีๆ ของเรา ก็จะช่วยให้เว็บไซต์ของเราดูน่าเชื่อถือ เป็นตัวจริงในวงการที่คนอยากอ้างอิง และเชื่อมั่นค่ะ
  • สร้างชื่อเสียงดีๆ ค่ะ ลองคิดดูว่าถ้าคน Google แบรนด์ของเรา แล้วเจอคอนเทนต์ที่ไม่ค่อยดี เทียบกับพอคนเสิร์ชชื่อแบรนด์​ก็เจอแต่เรื่องดีๆ ที่เราทำ PR ไว้ แบบหลังน่าจะดีกับภาพลักษณ์และชื่อเสียงของเรามากกว่าใช่มั้ยล่ะคะ?
  • สร้างยอดขายได้ ง่ายๆ เลยว่าถ้ากลุ่มเป้าหมายเรารู้จักเรามากขึ้น จากกลยุทธ์ Digital PR ที่ดี ก็มีโอกาสซื้อของเรามากขึ้นค่ะ
  • ช่วยเรื่อง SEO พอมีคนพูดถึงเรา ลิงก์มาหาเว็บไซต์เราเยอะๆ ก็ช่วยสร้าง Backlink เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์ของเรา จนมีโอกาสติดอันดับบน Google ได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้คนเข้าเว็บไซต์จาก SEO เพิ่มยอดขายได้มากขึ้นค่ะ

Digital PR ต่างกับการประชาสัมพันธ์แบบดั้งเดิมยังไง?

ถ้าดูจากชื่อเราก็อาจจะพอเดาได้ใช่มั้ยล่ะคะ?​ การทำประชาสัมพันธ์แบบดั้งเดิมหรือ PR ต่างกับ Digital PR ตรงที่มีคำว่า Digital เสริมเข้ามาค่ะ การทำ PR ในยุคก่อนมักจะเน้นการทำงานกับสื่อมวลชน จัดงานปาร์ตี้ในโรงแรม ลงหนังสือพิมพ์ ลงข่าว หรือลงโฆษณาในโทรทัศน์ ซึ่งกลยุทธ์การ PR แบบเดิมบางอย่างก็อาจจะยังได้ผลอยู่ แต่หลายอย่างกลับเป็นการละลายเงินทิ้งน้ำ วัดผลไม่ได้ และไม่มีประสิทธิภาพ ในยุคนี้ เราเลยหันมาสนใจเรื่อง Digital PR กันค่ะ

สรุปง่ายๆ การใช้ Digital PR หมายความว่าเรากำลังใช้เครื่องมือออนไลน์และเทคนิคต่างๆ ในโลกดิจิทัล มาเสริมพลังให้การทำ PR ของเราอัปเดต สอดคล้องกับผู้บริโภคในปัจจุบัน เพื่อให้ตอบโจทย์เป้าหมายธุรกิจในยุคดิจิทัลนี้ค่ะ

การทำ Digital PR ต้องทำอะไรบ้าง?

การประชาสัมพันธ์ออนไลน์อย่าง Digital PR นี่ปลายเปิดมากๆ เลยค่ะ เพราะโลกอินเทอร์เน็ตนี่แทบจะไร้ขีดจำกัดเลย แต่ประเด็นสำคัญคือการคิดนอกกรอบค่ะ ถ้าทุกวันนี้คนไม่ฟังวิทยุดูทีวีแล้ว เราจะไปเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ยังไงได้บ้าง ตัวอย่างของการทำ Digital PR ก็เช่น

  • การส่ง Press Release ให้กับสื่อต่างๆ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เวลาที่มีข่าวใหม่ๆ น่าตื่นเต้น สินค้าใหม่ การลงทุนรอบใหม่ เปลี่ยนผู้บริหาร หรืออะไรที่พอจะเป็นข่าวได้ เราทำได้ตลอดเลยค่ะ แต่ไม่ส่งเฉยๆ ต้องดูด้วยว่าอยากจะให้สื่อไหน ลิงก์มาหน้าไหนของเว็บไซต์​ เพื่อให้คนอ่านคลิกมาต่อได้เห็นข้อมูลที่เกี่ยวข้อง และเป็นการจัดการ Backlink อย่างเป็นระบบค่ะ ว่าอยากให้หน้าไหนติด SEO
  • สร้างเครือข่ายใหม่ๆ และรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับสื่อ นักข่าว บล็อกเกอร์ Influencers เพื่อให้เค้ารักเรา อยากลงข่าวดีๆ เกี่ยวกับเราค่ะ
  • หารีวิวลูกค้าทางออนไลน์​ นักสัมภาษณ์ลูกค้า หา Testmonial
  • สร้างคอนเทนต์ออนไลน์ที่มีคุณภาพ
  • สร้าง Affiliate โปรแกรม ที่ให้ค่าคอมกับเครือข่ายของคน เช่น Influencer ที่ช่วยสร้างยอดขายให้กับเรา ก็จะช่วยให้คนอยากโปรโมทเรามากขึ้น เพราะทุกครั้งที่เราขายของได้ เค้าก็จะได้ค่าคอมมิชชันตอบแทนค่ะ

Digital PR กับ SEO

ในมุมของคนทำ SEO เรามองว่า Digital PR คือวิธีใหม่ที่ดี และมีประสิทธิภาพมากๆ ในการสร้าง Backlink ค่ะ คนรู้จักเรา ลิงก์มาหาเรา ก็ช่วยให้เราติดอันดับบน Google ง่ายขึ้น

ตัว Backlink นี้เป็นส่วนนึงที่ Google ใช้จัดอันดับ SEO ลองคิดดูง่ายๆ ว่า ลิงก์นี้มันคล้ายการโหวตค่ะ ถ้ามีคนลิงก์มาหาเว็บไซต์เราเยอะๆ ก็เหมือนทุกคนโหวตว่าเว็บนี้ดีในหัวข้อนี้นะ Google เห็นแบบนี้ก็จะช่วยให้เว็บเราอันดับบน Google ดีขึ้นในหัวข้อนั้นๆ ค่ะ การทำ Digtal PR แบบนี้ยังเป็นอะไรที่คู่แข่งทำตามได้ยากด้วย เพราะใช้ศาสตร์และศิลป์หลายอย่าง ทั้งคอนเทนต์คุณภาพ การบริหารความสัมพันธ์​ หรือการหาช่องทางใหม่ๆ ไม่ใช่เอาลิงก์ไปแปะตามเว็บบอร์ดเฉยๆ ค่ะ

ขนาด John Mueller จาก Google เซไรท์ เอ้ย เซเลป สาย SEO ยังกล่าว ว่า Digital PR ที่ดูดีมากๆ สำคัญเท่ากับหรือมากกว่า Technical SEO เลยด้วยค่ะ

แต่หลายคนก็ยังไม่ค่อยอินนะคะ อย่าง Jono Alderson ผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO ที่ Yoast SEO เค้าบอกว่า Digital PR มันไม่ควรจะเป็นการสร้างลิงก์แบบเดิมๆ แต่เปลี่ยนชื่อใหม่ให้สวยหรู คนก็ซื้อลิงก์เหมือนเดิม ทำผิดกฎเหมือนเดิม พอเราเอามาใช้แบบผิดๆ สร้างภาพให้ดูดีเฉยๆ สุดท้ายมันก็ไม่ดีกับแบรนด์และผู้ใช้งาน เพราะว่าเวลาคนเสิร์ชข้อมูลบน Google แทนที่จะได้เจอข้อมูลดีๆ ดันเจอเว็บที่จ่ายเงินเพื่อซื้อลิงก์มา ผ่านการทำ PR ค่ะ

สุดท้ายมันก็แล้วแต่มุมมองของแต่ละคนเนอะ แต่เมเชื่อว่าการทำคอนเทนต์ที่ดีที่สุด แบบที่เราไว้ใจให้ลูกหลาน ปู่ย่าตายายคนในครอบครัวของเราอ่านได้อย่างมั่นใจ ยังเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดเสมอ เป็นโลกอินเทอร์เน็ตที่เมอยากให้เป็นค่ะ ส่วนการทำ PR ก็อาจจะเลี่ยงไม่ได้ ทำของดีไปแต่คนไม่รู้จักก็ไม่ช่วยค่ะ ให้เริ่มจากคอนเทนต์​ สินค้า และบริการที่ดีที่สุดเสมอ แล้วทำ Digital PR ให้ดี ก็จะไปได้ไกลค่ะ : )

ส่วนใครอยากรู้เรื่อง SEO เพิ่มเติม ตอนนี้เมมีเปิดคอร์สสอนอยู่นะคะ สอนตั้งแต่เริ่มต้นจนทำได้เลย แบบเข้าใจง่าย สนุกแน่นอนค่ะ คลิกมาดูรายละเอียดคอร์ส SEO ได้ที่นี่นะคะ 🤍

Digital PR กับการทำ Content Marketing

อย่างที่เราพูดกันมาตลอดค่ะ ว่าการทำ Digital PR นี้เกี่ยวพันกับ Content อย่างมาก เพราะถ้าคอนเทนต์ไม่ดี เอาไปโปรโมทแค่ไหนก็ไม่เวิร์คค่ะ การสร้างคอนเทนต์ดีๆ นอกจากจะเป็นประโยชน์กับผู้ใช้งานแล้ว ยังสร้างความทรงจำและภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ ดูน่าเชื่อค่ะ

คอนเทนต์แบบไหน ที่ดีกับ Digital PR?

คอนเทนต์ที่เหมาะกับการทำ Digital PR คือคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ น่าเชื่อถือ น่าสนใจ ทำให้คนอยากแชร์ต่อ หรือลิงก์กลับมาที่เว็บไซต์ของเราค่ะ ลองมาดูไอเดียหลายๆ แบบกัน

  • คอนเทนต์พวกงานวิจัย Case Study แบบนี้ดีมากๆ ค่ะ เพราะมันหาที่อื่นไม่ได้นอกจากเรา เป็นความคิดและการรวบรวมข้อมูลของเราเอง ทำให้หลายๆ คนอยากพูดถึง หรือลิงก์มาหาเราเพื่อเป็นนิ้ว เอ้ย เป็นเล็บ เอ้ย เป็นเรฟ เวลาเค้าทำคอนเทนต์ค่ะ
  • ทำคอนเทนต์หลายๆ แบบ โดยเฉพาะรูป มีม Infographic ที่เข้าใจง่ายๆ แบบนี้คนก็ชอบแชร์ค่ะ เรายังเอาคอนเทนต์เก่าๆ ที่มีเช่นบล็อก หรือวิดีโอ มาปรับเป็นคอนเทนต์ใหม่ สรุปย่อเป็นรูปแบบนี้ก็ได้ค่ะ ไม่จำเป็นต้องทำใหม่ตลอด เป็นการ Maximize เวลาที่เราใส่ลงไปกับการรีเสิร์ชแต่ละคอนเทนต์ด้วยค่ะ
  • คอนเทนต์เกี่ยวกับข่าวต่างๆ เช่น เนื้อหาที่อาจจะเป็นข่าวได้ หรือข่าวที่เพิ่งเป็นกระแส แต่เรามี Insights ที่ต่างจากคนอื่น มีความเชี่ยวชาญ แบบนี้เราก็ลงคอนเทนต์ความเชี่ยวชาญเราให้คนเอาไปใช้ quote ต่อได้เลย หรือติดต่อสื่อเพื่อเอาความคิดเห็นของเราไปลงก็ได้ แต่การทำแบบนี้ต้องรวดเร็วว่องไวนิดนึงนะคะ ถ้าลงความคิดเห็นช้าไปวันสองวัน คนก็ไปสนใจเรื่องอื่นกันแล้ว ตัวนี้เราใช้ Google เทรนด์เพื่อดูเรื่องที่คนกำลังสนใจและค้นหาได้ค่ะ
  • ความเชี่ยวชาญที่หาที่อื่นไม่ได้ คอนเทนต์ผู้นำทางความคิด ความเชี่ยวชาญจากประสบการณ์จริง เคล็ดลับต่างๆ พวกนี้เราสามารถแชร์กับสื่อต่างๆ ให้เค้าเขียนเรื่องนั้นๆ เอาความคิดเราไปใส่แล้วลิงก์กลับมา หรือสร้างคอนเทนต์เองก็ได้ แล้วโปรโมทต่อค่ะ
  • คอนเทนต์แบบเน้นกระตุ้นอารมณ์ พวกนี้คนก็ชอบแชร์และพูดถึงค่ะ แต่เมอยากให้ระวังไว้นิดนึงว่าต้องอยู่บนพื้นฐานของความจริง ไม่ใส่สี หรือทำให้น่าตื่นเต้นจนเกินจริงไป ไม่งั้นก็จะกลายเป็นอีกหนึ่ง clickbait ที่ไม่มีใครชอบและให้ราคาค่ะ

Digital PR กับ Social Media

หนึ่งในเทคนิคของการทำ Digital PR ก็คือการโปรโมทผ่าน Social Media ค่ะ แต่มันไม่ใช่การเอาคอนเทนต์เรามาโพสต์เฉยๆ นะคะ มันคือการสร้างเครือข่าย เพิ่มความน่าเชื่อถือ และรักษาความสัมพันธ์กับ Influencers หรือสื่อต่างๆ ทาง Social Media ค่ะ ปัจจัยสำคัญก็คือการสร้างคอนเทนต์คุณภาพ แล้วก็โปรโมท กระตุ้นให้คนแชร์​ ประสานกับเครือข่าย Influencers หรือสื่อให้ช่วยโปรโมทค่ะ ซึ่งตรงนี้ Social Media ทรงพลังมากๆ เพราะมันสามารถสร้าง Network Effect ได้ค่ะ ยิ่งคนแชร์เยอะ มันก็ยิ่งกระจายเพิ่มไปเรื่อยๆ แบบทวีคูณเลยค่ะ

นอกจากนี้แล้ว Social Media ยังเป็นเครื่องมือชั้นดีที่ช่วยให้แบรนด์ติดต่อกับผู้ใช้และกลุ่มเป้าหมายของเราด้วย เราจะได้ Feedback จากคนตลอดว่าเค้าชอบหรือไม่ชอบอะไร เพื่อให้เรามีข้อมูลมาเรียนรู้และปรับตัวให้ทันตลาดค่ะ

เริ่มต้นทำ Digital PR ยังไงดี?

จริงๆ แต่ละที่ก็น่าจะมีแนวทางไม่เหมือนกัน แต่ Best Practice ที่คนแนะนำกันเวลาทำ Digital PR จะเป็นแบบนี้ค่ะ

  1. เข้าใจกลุ่มเป้าหมายของเราก่อนว่าเป็นใคร มีความต้องการอย่างไร สร้างเป็น persona ออกมา แต่ถ้าไม่รู้ ก็อาจจะใช้การทำแบบสอบถาม หรือพูดคุยกับเป้าหมายบน Social Media ก่อนค่ะ
  2. ตั้งเป้าหมาย ว่าเราทำ Digital PR ไปทำไม เช่น อยากให้คนรู้จัก อยากปรับภาพลักษณ์แบรนด์​ อยากโปรโมทสินค้าใหม่
  3. กำหนด KPI ว่าเราจะวัดผลการทำ Digital PR ด้วยอะไร เช่น จำนวนคนเข้าเว็บไซต์ จำนวน Backlink ยอดขายสินค้าใหม่ที่เพิ่มขึ้น Brand Perception ฯลฯ ค่ะ
  4. กำหนดกลยุทธ์ในการทำ Digital PR
  5. ตัดสินใจว่ามีงบประมาณและ resource มากแค่ไหน ถ้ามีงบเยอะแต่คนน้อย ก็อาจจะให้ outsouce แต่ว่าถ้ามีคนเยอะ งบไม่ค่อยมี ก็อาจจะทำเองแบบ In-house หรือถ้าต้องการดูแลเองทั้งหมด ก็เป็น in-house ค่ะ
  6. สร้างคอนเทนต์​ เริ่มโปรโมท แล้วเรียนรู้จากผลตอบรับ แล้วก็สร้างใหม่ไปเรื่อยๆ ค่ะ
  7. สร้างความสัมพันธ์อันดีกับสื่อและ influencer ต่างๆ
  8. ลองเทคนิคใหม่ๆ เรียนรู้ไปเรื่อยๆ ไม่มีวันสิ้นสุดค่ะ อาจจะใช้เครื่องมือ MarTech ต่างๆ มาช่วยในการวัดผล เห็นภาพรวม ติดตามการเปลี่ยนแปลง บริหารความสัมพันธ์กับเครือข่ายสื่อให้ดีขึ้น และอื่นๆ อีกมากมายที่ยังไม่รู้ อาจจะจริงเราเห็นอยู่ เผื่อใจไว้ที่ยังไม่เห็น (ใครอ่านแล้วใส่ทำนอง แปลว่าเราแฟนเพลงสไตล์เดียวกันนะคะ)

การวัดผล Digital PR

การทำ Digital PR นี้วัดผลง่ายกว่าการทำ PR แบบเดิมๆ มากกว่าการลงหนังสือพิมพ์สิบฉบับพร้อมกันอย่างแน่นอนค่ะ

วัด Metrics อะไรบ้าง?

อันนี้ต้องย้อนกลับไปดูก่อนว่า เป้าหมายในการทำ Digital PR ของเราคืออะไร แล้วกลยุทธ์ของเราเป็นแบบไหน แล้วค่อยมาดูกันค่ะ ว่าจะวัดอะไร เช่น

  • จำนวน Backlink ที่เพิ่มขึ้น รวมไปถึงคุณภาพของ Backlink
  • จำนวน No follow VS Do follow backlink
  • Referral Traffic หรือคนเข้าเว็บไซต์ที่ส่งต่อมาจากเว็บไซต์อื่นๆ
  • Referral Sales ยอดขายที่ได้ส่งต่อมาจากช่องทางอื่นๆ
  • Share of voice
  • อันดับ Google
  • Organic Traffic จาก SEO

เครื่องมือที่ใช้ในการวัดผล Digital PR

พอเรารู้แล้วว่าเราจะวัดผลด้วย Metrics อะไรบ้าง เราก็มาดูเครื่องมือที่ใช้ได้กันค่ะ

  • Google Analytics: ดู Traffic แบบหลากหลาย ทุกช่องทาง
  • Google Search Console: ดูเจาะมาที่ SEO
  • Ahrefs Backlink Checker: ดู Backlink
  • Semrush: ดู SEO, Backlink, Share of voice
  • Buzzsumo: ดูความสนใจบน Social Media
  • Google Trends: ดูเทรนด์ความสนใจในแบรนด์ หรือแคมเปญของเรา

สรุปเรื่อง Digital PR

Digital PR เป็นเครื่องมือทรงพลังที่จะช่วยให้แบรนด์สร้างการรับรู้ และภาพลักษณ์ที่ดีได้ พร้อมกับการวัดผลได้อย่างชัดเจน ที่สำคัญยังช่วยเรื่อง SEO ให้เว็บไซต์ของเราอันดับบน Google ดีขึ้นด้วยค่ะ ซึ่งเราต้องใช้ศาสตร์และศิลป์มากมาย ทั้งการทำคอนเทนต์ การบริหาร Social Media การบริหารความสัมพันธ์ แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็คุ้มค่าแบบที่ไม่ทำไม่ได้เลยค่ะ

ถ้าชอบคอนเทนต์แบบนี้ มาติดตามกันต่อได้ทาง Facebook ของเมนะคะ มีแชร์เรื่องราวเกี่ยวกับคอนเทนต์และ SEO อยู่ตลอด และถ้าสนใจอยากทำเว็บไซต์ให้ติดอันดับบน Google ด้วย SEO ตอนนี้เมมีเปิดคอร์สสอนอยู่ มาดูรายละเอียดคอร์ส SEO ได้ที่นี่เลยค่ะ ❤️

Share:FacebookX
Written by
Chalakorn Berg
Chalakorn Berg